เล่าประสบการณ์สัมภาษณ์งาน Experience Designer กับ ThoughtWorks

Pom Sutham
4 min readMay 5, 2020

--

ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยเล่าเลยว่าตั้งแต่ที่เคยทำงานมา สัมภาษณ์งานเจออะไรบ้าง โจทย์คืออะไร หรือได้สัมภาษณ์อะไรไปบ้าง วันนี้ขอแบ่งปันประสบการณ์จาก ThoughtWorks ละกันนะครับ :)

แนะนำตัว

สำหรับใครที่มาอ่านบทความนี้แล้วไม่รู้จักผมมาก่อน มีบางบทความก่อนหน้าที่เล่าเรื่องการทำงาน ลองหาอ่านได้ที่นี่ครับ ก็ขอแนะนำตัวคร่าวๆ ผมชื่อป๋อมนะครับ จบปริญญาตรี Computer Science นะครับ แต่ไม่ได้เป็นโปรแกรมเมอร์ แหะๆ ตอนเรียนไม่ตั้งใจเรียนเท่าไรนะครับ เตะบอลตั้งแต่คาบแรก จบมาก็เป็น Web Designer, Interactive Designer, CSS Designer ประมาณ 4 ปี แล้วก็ย้ายสายมาทำงานโฆษณาเป็น Project Manager รวมได้สักประมาณ 3 ปีกว่าๆ ระหว่างทำงานก็เรียนปริญญาโท Marketing ไปด้วย ตอนนั้นก็ย้ายสายมาทำงานกับบริษัท Startup หน้าที่ก็มี UX Designer ประมาณปีนึงและมาเป็น Product Owner รวมแล้วประมาณ 3 ปีครับ จากนั้นก็มาทำงานในทีมย่อยของธนาคาร SCB10X ปีนึง จากนั้นก็มาที่ปัจจุบันครับ ThoughtWorks

เนื้อหาต่อไปนี้ขอ disclaimer ไม่ได้บอกว่าเป็นเนื้อที่ถูกต้องหรือแนะนำ เป็นเพียงการแบ่งปันประสบการณ์ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ เพราะมีคนรู้จักถามเรื่องการสัมภาษณ์งานหรือทำงาน UX มาต่อเนื่อง :)

เกริ่นก่อนเล็กน้อย

ต้องเล่าย้อนไปประมาณปี 2016 ครับ ตอนนั้นผมรวมตัวกับน้องเอ็มและชิวเป็นกลุ่มที่ชื่อว่า UX Connext ครับ (ปัจจุบันนี้ผมค่อยไม่ได้อัพเดตอะไรกับน้องๆ แล้ว) เราทำ Meetup กันหลายครั้งเลย และ Conference งานนึง ทำให้ได้รู้จักกับบริษัทชื่อว่า ThoughtWorks ครั้งแรกครับ

พีท (คนกลาง) คือ ThoughtWorks คนแรกที่ผมรู้จักเลย

ตอนนั้นผมทำงานใน Startup ครับเป็น UX Designer แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะสามารถเข้าไปทำงานระดับอินเตอร์ได้แน่ๆ ผมเพิ่งย้ายสาย ถึงแม้ว่างานเก่าๆ จะมี UI มากก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีความมั่นใจว่าจะสามารถเข้าบริษัทแบบนี้ได้แน่ๆ เลยปล่อยให้เป็นฝันไปนานครับ อีกส่วนนึงอาจจะเพราะยังใหม่กับ UX อารมณ์เหมือนเด็กจบใหม่ ก็คงหาความชอบหรือสไตล์ของตัวเองก่อน (แต่ตอนนั้นคืออายุ 30 แล้วนะครับ ฮ่าๆ)

2018–กลับมาเจอกันอีกครั้ง

ผ่านมาจนถึงปี 2018 ช่วงปลายปี ผมออกจากงานที่ Wisesight และก็ไม่สบายด้วยครับ จนทำให้ตอนนั้นผมออกจากงานหลังได้ย้ายงานที่ใหม่เพียงแค่เดือนเดียว ก็เลยไปพักฟื้นตัวเอง แล้วก็พอกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ก็ได้ไปร่วมงาน Conference ที่ชื่อว่า UXSEA ที่สิงคโปร์ครับ ได้เจอคนไทยหลายคนอยู่นะ แล้วก็ได้รู้จักหนึ่งในนั้นคือ น้องชาน

เจ้าชานคือคนที่ถือกระป๋องโค้กนั่นแหละ

ก็ได้มีคำว่า “ThoughtWorks” เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ต้องยอมรับว่าตอนนั้นที่ไปงาน UXSEA ส่วนนึงคือ ตั้งใจไปหางานด้วย ถ้ามีโอกาสก็ส่งเลย ซึ่งหลังจากที่ได้คุยกับชาน ถามถึงวิธีการทำงาน เราก็เริ่มเห็นความน่าสนใจของ ThoughtWorks อีกครั้ง และก็คิดว่า อยากลุ้นเข้าไปทำงานด้วย ก็เลยส่ง Portfolios ไปให้ทางเมลของชาน แต่ก็เงียบไปเลย (ฮ่าๆ) คือก็ไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไร แต่เราก็รอไม่ได้นานจริงๆ มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเลี้ยงดูตัวเอง ผ่านไปได้สองเดือน ผมก็ได้เริ่มที่ใหม่คือ SCB10X

2019 — เริ่มได้พูดคุย

มาถึงปีต่อมา เราก็ยังได้ติดต่อกับชานอยู่บ้าง และก็เริ่มเห็นความเคลื่อนไหว บทบาทของ community ที่มีชื่อ ThoughtWorks อยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปีงาน UX Conference และก็มาประมาณกลางปีก็มีงาน Xconf ได้รู้จักพี่ไมเคิลช่วงมีนาเมษาจากงานที่พี่ไปพูดเรื่อง Transformation ก็เริ่มสนใจเรื่อยๆ มา ซึ่งก็มี mutual friends บางคนที่ทำงานที่ ThoughtWorks อยู่แล้ว ก็เริ่มดูว่าคุยอะไรกันหรือแชร์ article อะไรบ้าง ก็ศึกษาหาอ่าน (ถ้าใครรู้จักผมอยู่แล้ว ช่วงปีที่แล้ว ลองอ่านได้ที่บทความนี้ครับ อาจจะสังเกตเห็นว่าผมทำอะไรหลายอย่างมาก ส่วนนึงเพื่อที่จะตั้งใจพัฒนาตัวเองหนักขึ้น อาจจะไม่ได้มากแบบที่ใครคาดหวัง แต่ผมก็เต็มที่กับตัวเองมากๆ)

และก็มีช่วงเลยกลางปี-ก่อนปลายปี ได้มีจังหวะได้เข้าไป Meetup เล็กๆ ของ ThoughtWorks ครับ ก็ได้มีโอกาสคุยกับ Recruiter สั้นๆ ถึงเรื่องตำแหน่งงาน UX ที่นี่ (ซึ่งที่นี่ตำแหน่งจะเรียกว่า Experience Designer) โดยน้อง Recruiter คนนี้ชื่อยศครับ ก็ได้คุยกันสั้นๆ ว่าที่ ThoughtWorks ก็กำลังหาอยู่ แต่เป็น Senior level ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสามารถทำได้เลย แต่ทางน้องก็บอกว่า ให้ลองส่งมาให้ทีมดูก่อน แล้วจะ Follow up อีกครั้งว่าจะได้เข้ามาคุยกันไหม

ผ่านไปได้ไม่นาน น่าจะราวๆ อาทิตย์นึงผมได้ติดต่อจากน้อง Recruiter ยศอีกครั้ง โทรมาครับ แล้วก็เล่าว่าการทำงานของ ThoughtWorks เป็นอย่างไร สาขาอื่นๆ ทั่วโลกเป็นอย่างไร แนวโน้มอนาคตการทำงานที่นี่จะเป็นยังไง เพื่อที่จะได้ให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า เหมาะกับสไตล์ของผมเองไหม ผมชอบที่นี่หลายๆ เรื่องเลย จากที่ผมเคยทำงานที่ Wisesight มา ก็จะมีกลิ่นอายของ culture ที่คล้ายๆ กัน (หลายคนที่รู้จักผม จะได้ยินผมพูดถึงบริษัท Wisesight บ่อยๆ ลองอ่านบทความที่ผมพูดถึง Wisesight ได้ที่นี่ครับ) ผมจะบอกเนื้อหาต่อไปว่ามีอะไรที่บ้างที่ทำให้ผมชอบและสนใจที่นี่ ThoughtWorks ครับ

สัมภาษณ์งาน…?

วันที่ผมได้เข้ามาสัมภาษณ์งาน ก่อนหน้า ทางยศ Recruiter ก็ส่งเมลมาครั้ง แจ้งว่า ให้ดู app ตัวนี้ เป็น Mobile App ครับ แล้วก็บอกว่า นี่คือโจทย์ที่จะมาใช้ในวันสัมภาษณ์ พูดตรงๆ ตอนนั้นไม่มีโจทย์อะไรเลย ฮ่าๆ แต่ผมก็เดาเอาเอง คิดว่าเค้าให้เราประเมินเลย ว่าน่าจะต้องปรับอะไร ผมก็ใส่เต็มเลย ทำ presentation ด้วยนะ, คิด Core Value หา Competitor, ออกแบบ UI ใหม่ด้วย ทำจนถึงตีสี่

มาถึงวันที่สัมภาษณ์ ยศ Recruiter ก็พามาที่ห้องประชุมที่ใช้สัมภาษณ์ สิ่งที่ผมทำเตรียมไว้รออีกอย่าง คือผม print หน้า UI (as-is) มาครับ แล้วก็ตัดแปะไว้ที่กระดานในห้องประชุมที่ใช้สัมภาษณ์รอไว้เลย จากนั้นยศก็บอกว่ารอแปบนึง เดี๋ยวมีทีมมาสัมภาษณ์ครับ

จากนั้นก็มีพีทและน้องโม(ที่ผมรู้จัก) และมีมาอีก 3 คน รวมแล้ว 5 คน เข้ามาสัมภาษณ์ ความคิดแรกของผมเลยคือ เฮ้ยดี เพราะทำงานจริงคงทำงานเป็นทีม เลยต้องมาคุยกันว่าเราจะทำงานกันยังไงนู้นนี่นั่น

แต่ไม่ใช่ครับ ที่ผมคิดไว้อาจจะถูกประมาณ 50% ทั้งเรื่องของคนที่เข้ามาสัมภาษณ์ หรือ assignment ที่ผมได้ก่อนหน้านั้น คือเจ้าแอพนั่นนะแหละ แต่จริงแล้วสถานการณ์เป็นแบบนี้ครับ

สถานการณ์ต่อไปนี้ 1 ชั่วโมง คือการ Role play ครับ โดยสมาชิกที่เข้าสัมภาษณ์ผมวันนั้นทั้งหมด 5 คน ประกอบไปด้วย 4 คน จะ Role play เป็น Business, UX, Dev, QA และอีก 1 คน คือ Client ครับ ส่วนผม คือ Lead ที่จะต้องประชุมกับลูกค้าตอนนั้น ให้ผม Conduct เองทั้งหมด ที่สำคัญไปกว่านั้น ทั้ง session ต้องเป็นภาษาอังกฤษนะครับ (ช็อคแปบ แต่ไม่มีเวลาให้ช็อคนานครับ) แล้วพีทก็บอกว่า “Start!” คือเริ่ม Role play ได้เลย

เหตุการณ์คร่าวๆ ก็คือ ผมก็เริ่มหาข้อมูลจากลูกค้าในทุกๆ เรื่อง Insight, Background, Problem หลายๆ อย่าง ผมก็ประหม่าครับว่า จะถามหมดไหม หรือควรต้องรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มอีกไหม ผมเลยหันไปหาทีมงานครับ ทุกคนนั่งตาปริบๆ เลย (ฮ่าๆ) ประหนึ่งเหมือนผมต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ให้ได้ครับโอเค ผมเข้าใจได้ “มันต้องพิสูจน์ตัวเองสิวะ” อันนี้นึกในใจนะครับไม่ได้พูดออกมา ก็ทำเต็มที่ไป

ตอนนั้นผมคิดอย่างเดียวในหัวเลยว่า ถ้าวันนี้มึงไม่ทำเต็มที่นะ มึงจะเสียใจว่า บริษัทที่มึงอยากทำมากๆ แต่กลับไม่ทำให้เต็มที่ จะมาเสียใจภายหลังนะถ้าไม่ได้งานที่นี่

พอได้ข้อมูลจาก Client (Role play) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นสถานการณ์ที่ลูกค้ากลับไปก่อน แล้วทีมงานก็ช่วยกันผลิตงานหรือหาข้อมูลอะไรบางอย่างร่วมกัน ผมก็เริ่ม deligate งาน และก็ถามหาข้อมูลต่างๆ ตามแต่ละคนที่ได้วาง position ตัวเองไว้ เป็นอะไรที่เร็วมากเหตุการณ์ตอนนั้น ผมบอกว่าอยากได้ข้อมูลอะไร อยากให้ทำ Research อะไร ทุกคนก็ไปทำๆ แล้วก็เอาข้อมูลมาให้ผม เราใช้เวลาตรงนี้กันประมาณ 15–20 นาทีไม่น่าเกิน ดูเหมือนนาน แต่ผ่านไปเร็วมากๆ

พอเมื่อคิดว่า ข้อมูลที่เรามี เตรียมกัน หากัน น่าจะเพียงพอ ก็เรียกลูกค้ากลับมาอีกครั้ง แล้วก็นำเสนอครับ เราก็เล่าไป ให้ข้อมูลไป จนถึงจุดที่คิดว่า น่าจะเพียงพอแล้ว หมดตัวแล้วกับข้อมูลที่มีตอนนั้น พีทก็พูดขึ้นมาว่า “Time up!” แล้วทั้งห้องก็ปรบมือเลย เป็นการ celebrate เล็กๆ หลังจบภารกิจ (ซึ่งผมคิดว่า มันดีมากๆ และก็ควรทำ ต่อให้มันไม่ใช่การสัมภาษณ์งาน แต่ทำงานจริง เวลาเราผ่านเรื่องอะไรมาหนักๆ ด้วยกัน ก็ควรจะให้กำลังใจทีมงานด้วยกัน)

หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ พีทก็มาคุยครับว่า เมื่อกี้ที่ Role play ไป เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่อยากให้ปรับไหม ก็คือขอ Feedback จากผมนั่นเอง ซึ่งเป็นหนึ่งใน Culture ของ ThoughtWorks คือการ Feedback โดยผมเองหลังจากให้ Feedback ไป ผมก็ขอด้วยเช่นกัน

ผมไม่เคยเชื่อว่าทุกครั้งที่ผมพูดหรือนำเสนออะไรไปมันจะดีในทุกครั้งเลยนะ โดยเฉพาะกับสัมภาษณ์งาน และผมบอกทุกครั้งเลยว่า “ถ้าผมไม่ผ่านสัมภาษณ์งาน ผมรบกวนขอให้บอกผมกลับด้วยว่า ผมไม่ได้งานเพราะอะไร เพราะผมจะได้เอาไปพัฒนาตัวเองต่อ และผมจะกลับมาสัมภาษณ์งานที่นี่อีกครั้ง”

หลังจากนั้น ยศ Recruiter ก็เข้ามา catch up อีกครั้ง ทั้งยังบอกผมด้วยว่า ตอนนี้ทีมที่เข้ามาสัมภาษณ์ผมกำลัง standup meeting กันว่าจากที่สัมภาษณ์เมื่อกี้เป็นยังไงบ้าง

ความกดดัน

หลังจากสัมภาษณ์ Role play แล้วก็ได้รับการติดต่ออีกครั้ง ให้มาสัมภาษณ์รอบ Culture interview ครับ โดยครั้งนี้จะเป็นลักษณะนั่งคุยกัน แนวๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ทัศนคติการทำงาน หรือนิสัยใจคอกันครับ โดยจะเป็นใครก็ได้(มั้งนะ)ใน ThoughtWorks มานั่งคุยกัน

มื้อแรกกับแก๊ง XD ก่อนจะเริ่มเข้ามาทำงานที่ ThoughtWorks

ถัดจากนั้นอีกสักพักนึง ทางยศก็ติดต่อมาอีกครั้งพร้อมกับแจ้งข่าวดีว่าได้รับเข้าทำงานแล้วครับ ตอนนั้นก็ดีใจมากๆ แต่ก็มาพร้อมความกดดันทันที คือเอกสารที่ให้เซ็นสัญญา เขียนไว้ว่าเราทำ Senior level เดี๋ยวผมจะเล่าเพิ่มว่าทำไมถึงกดดันมากขนาดนั้นสำหรับตัวผมเองนะ

เล่าเพิ่มอีกนิดครับ ใน ThoughtWorks เองเนี่ยมีทั้งหมดประมาณ 5 Level และก็จะมีตำแหน่งแยกย่อยอื่นๆ ที่ไม่ได้อิงกับ Level ด้วยจากที่เห็นในระบบนะครับ ทั้ง 5 Level ก็คือ Grad Consultant, Consultant, Senior Consultant, Lead Consultant และ Principle Consultant

ที่นี้ทำไมผมถึงบอกว่าผมกดดันตัวเองมากขนาดนั้น (จนถึงตอนนี้ผ่านมาแล้ว 4 เดือนก็ยังกดดันนะครับ) สาเหตุเพราะ ยังจำตอนต้นเรื่องได้ไหมครับ ผมเจอพีทครั้งแรก คือ 4 ปีที่แล้ว หรือปี 2016 ตอนนั้นพีทเป็น Senior นะครับ แล้วก็เก่งมากๆ ผมก็เลยเปรียบเทียบตัวเองอย่างอัตโนมัติว่า ความสามารถเรา ณ วันนี้ช่างไม่เหมือนกับพีทเลย นั่นก็เป็นส่วนหลักที่ทำให้กดดันตัวเองมากๆ จนผมยังบอกยศ Recruiter เลยว่า “ผมขอ Level ปกติไม่ต้อง Senior ก็ได้นะ ได้ทำที่นี่ก็ดีมากแล้ว” ซึ่งยศแจ้งว่าเป็นการตัดสินใจของทีมร่วมกันแล้ว ตอนนั้นก็เรียกว่าสบายใจส่วนนึง แต่ก็ยังคงกดดันตัวเองเรื่อยมา ในขณะที่ผ่านมาถึงวันเริ่มงานวันแรก ผมก็คุยกับพีทเรื่องนี้ โดยพีทก็บอกรวมๆ ว่าความเป็น Senior ของแต่ละคนแตกต่างกัน ไม่สามารถบอกว่าต้องเหมือนใครได้เสมอไป ซึ่งพีทเองก็เป็น Buddy ในบริษัท ที่จะมี Catch up กันอยู่เรื่อยๆ

ทบทวน

มาถึงตอนนี้แล้ว ผมทำงานมาได้ 4 เดือนแล้วครับ ถ้านับแยกนั่งทำงานโปรเจคก็สามเดือนกว่าๆ และก็ล่าสุด เพิ่งได้ประกาศว่า Complete probation period แล้วครับ หรือผ่านโปรแล้วนั่นเอง เย้!

ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะผ่านมาได้ รู้สึกยากมากๆ ยากกว่าทุกที่ที่เคยทำ มีเรื่องให้เครียด กดดัน หลายอย่างที่เราเจอทุกวัน มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จ ทำงานออกมาได้ ผลิตของออกมาได้ แต่มันต้องคิดล่วงหน้า 1 สเตปขึ้นไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คิดว่าทำงานออกมาดีมาก ยังต้องพัฒนาและเข้าใจอีกหลายเรื่องมากๆ ก็ยังคงกดดันตัวเองจนถึงตอนนี้อยู่

ถ้ามีคนถามว่า UX หรือ XD ของ ThoughtWorks ทำอะไรบ้าง อยากบอกว่า หลายอย่างมาก แต่ก่อนเราอาจจะทำ Research, Wireframe, Usability Testing หรืออาจจะลงมือทำ UI Design ด้วยตัวเองด้วย แต่การทำงานของ ThoughtWorks เราก็ต้องพร้อมที่จะ Support หรือช่วยคนอื่นด้วยใน area อื่นๆ เราอาจจะช่วย BA คิดงาน หรือ Pair งานกับลูกค้าเพื่อคิดวิธีอื่นๆ ด้วยกัน ซึ่งมันก็ดีมากๆ นะ เราได้เห็นมุมมองและวิธีการทำงานของคนอื่นๆ หรือ Role อื่นๆ ด้วย เพราะผมก็ยังมีความเชื่อเหมือนกันว่า เราไม่มีทางทำงานด้วยตัวคนเดียวได้แน่นอน ความคิดเห็นที่แตกต่างแต่ยังเคารพซึ่งกันและกัน เป็นการทำงานที่ดีมากๆ เป็นหนึ่งใน Culture ที่ดีมากๆ เลย

เล่าเสริมถึงข้อมูลคร่าวๆ และความน่ารักของ ThoughtWorks ในมุมต่างๆ ครับ

  • ThoughtWorks เป็น Tech Consultant ที่มี 14 ออฟฟิศทั่วโลก พนักงานรวมราวๆ 7,000 กว่าคนทั่วโลก
  • ที่นี่มี Tools ในออฟฟิศหลายๆ ตัว ที่สามารถเข้าถึงใช้งานได้ และมีตัวนึงที่ผมชอบมากๆ อาจจะเอ่ยชื่อไม่ได้ ซึ่งทำให้เราทุกคนสามารถเข้าใจตัวเองได้มากขึ้นว่า แต่ละหน้าที่ของตัวเอง ควรจะต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง ระดับไหนบ้าง และสามารถต่อยอดไปทำหน้าที่อะไรต่อได้อีกบ้าง
  • เข้ามาทำงานช่วงแรกจะมี Buddy ที่ให้คำแนะนำ หรือปรึกษาเรื่องที่เราอยากรู้ และสามารถคุยกับใครสาขาไหนก็ได้แบบจริงๆ ผมไม่รู้สึกเลยว่าการติดต่อใครสักคนใน ThoughtWorks สาขาอื่นๆ จะเป็นเรื่องยาก
  • มี Tool ที่ให้เราสามารถ Generate นามบัตรได้เอง และ Signature ในอีเมลของเรา ความน่ารักคือ จะมีช่องให้เราใส่(หรือไม่ใส่ก็ได้) ประมาณว่า อยากให้เพื่อนร่วมงานเรียกเราว่าอะไร She/Her He/His หรือ ไม่ใส่ก็ได้
  • มี L&L หรือเรียกว่า Lunch and Learn คือกลางวันสามารถ setup หัวข้อที่อยากแชร์ก็ได้ อยากเล่าอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์(หรืออาจจะดีกับเพื่อนร่วมงาน)
  • อาจจะเคยอ่าน content ของน้องเฟิร์ส ที่ไป ThoughtWorks University มา นี่คืออีก point ที่ทำให้ผมอยากเข้ามาทำที่นี่ครับ ผมหวังว่าจะได้ไปบ้าง 5 สัปดาห์ แต่ผมได้รับคำตอบจากยศว่า “พี่ป๋อมไม่ได้ไปนะครับ เค้าให้ Grad Consult ไป” ร้องไห้แปบ

น่าจะยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ผมยังไม่ออก เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ :)

ขอบคุณทุกคนที่อยู่ช่วย support ผมในหลายๆ ครั้งช่วงที่ผ่านมาตลอดการทำงานนะครับ และขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ครับ หวังว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง :) ใครสงสัยหรืออยากได้ความคิดเห็น สามารถ inbox มาส่วนตัวได้ที่ fb.com/sutham นะครับ

ปล. ตอนนี้ ThoughtWorks รับสมัคร Dev อยู่นะครับ ใครสนใจ inbox มาได้จ้า

--

--

Pom Sutham

CEO & Co-Founder, KO-EXPERIENCE, UX/UI Consultancy. Love to listen people, Excited in Tech, Build the value for business. Contact me www.linkedin.com/in/suthamt